ในปีนี้เนสท์เล่ได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะคืนอากาศที่บริสุทธิ์ให้กับทุกคน
เป้าหมายที่เนสท์เล่มุ่งมันดำเนินการให้สำเร็จ ได้แก่ การปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) ภายในปี 2050 ด้วยแผนระยะกลางที่มุ่งมั่นใช้มาตรการหลายอย่างมาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2030 และแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเหลือศูนย์ ภายในปี 2050
เนสเลท์ทำงานร่วมกับหน่วยงาน Carbon Trust ที่ปรึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก และการให้คำปรึกษาด้านความยั่งยืน เพื่อวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในปัจจุบัน
ในฐานะผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลก เราขอเป็นหนึ่งในองค์กรที่เร่งสร้างการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยเช่นกัน ด้วยคำสัญญาที่จะดำเนินธุรกิจตามเจตนารมณ์ของบริษัท ในการใช้พลังแห่งอาหารเพื่อเติมเต็มคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อทุกคนในวันนี้และในอนาคต
เราตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero) และเดินหน้ามิติความยั่งยืนใน 4 ด้าน พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการเร่งสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่อุตสาหกรรมอาหาร
ปกป้องและฟื้นฟูป่าไม้
การตัดไม้ทำลายป่าเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักของการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่ทางการเกษตรของโลก ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เราได้ใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อบรรลุพันธกิจที่จะไม่ตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งรวมถึงการรับรอง การทำแผนที่ และภาพถ่ายดาวเทียม เรายังมุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์และฟื้นฟู ทั้งโดยการปกป้องและฟื้นฟูป่าไม้ในระบบซัพพลายเชนของเรา ผ่านการเปิดตัว Rimba Collective ความคิดริเริ่มนี้สนับสนุนการปกป้องและฟื้นฟูพื้นที่ป่าเขตร้อนกว่า 500,000 เฮกตาร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดในการจัดหาวัตถุดิบของเรา
ขยายเกษตรกรรมเชิงปฏิรูป
เรากำลังต่อยอดจากการทำงานของเรากับเกษตรกรผู้ปลูกโกโก้ น้ำมันปาล์ม ธัญพืช น้ำตาล และผลิตภัณฑ์นม เพื่อนำแนวทางปฏิบัติด้านการปฏิรูปมาใช้ใหม่ในการทำการเกษตร เช่น การลดปัจจัยการผลิตสังเคราะห์ การจัดการดินที่ดีขึ้น และการปลูกต้นไม้สามารถช่วยดึงคาร์บอนออกจากบรรยากาศ เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และเพิ่มผลผลิตในฟาร์ม เพื่อสนับสนุนพันธกิตนี้ เราจะช่วยชาวนาปลูกต้นไม้ให้ร่มเงาจำนวน 5 ล้านต้น ภายในปี 2025
เร่งขับเคลื่อนสู่การผลิตไฟฟ้าทดแทน
เนสท์เล่กำลังดำเนินการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ทางสิ่งแวดล้อมของโรงงาน เราได้ลดพลังงานที่จำเป็นในการผลิต KitKat ลงมากกว่า 40% ต่อตันของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2000 โรงงานผลิตบางแห่งของเราใช้ไฟฟ้าหมุนเวียนอยู่แล้ว เช่น พลังงานที่ดึงมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในตะวันออกกลางและบราซิล และเราจะยังคงมองหาวิธีใหม่ในการยุติการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและใช้ไฟฟ้าหมุนเวียน 100% ให้กับโรงงานทั้งหมดก่อนสิ้นปี 2025
ต่อยอดอย่างยั่งยืน
เนสท์เล่ได้วางแผนเกี่ยวกับความยั่งยืนของซัพพลายเชนยาวนานกว่าทศวรรษ ในปี 2009 เนสท์เล่เปิดตัว Cocoa Plan ของเนสท์เล่ และในปี 2016 เราจัดหาโกโก้ 100% จากโครงการ ภายใต้แผนดังกล่าว เนสท์เล่ได้ปลูกต้นโกโก้มากกว่า 15 ล้านต้น และลงทุน 300 ล้านฟรังก์สวิสเพื่อความยั่งยืน ลดคาร์บอนฟรุตพริ้นท์ และสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น